รถยนต์มือสอง ตัวเลือกของใครหลาย ๆ คนที่อยากมีรถยนต์ไว้ขับสักคัน ข้อดีคือราคาถูกกว่า รถยนต์ป้ายแดง ค่อนข้างมาก แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่ รู้สึกกังวล คือกลัวจะโดนย้อมแมว ซื้อมาแล้ว ต้องขับไปซ่อมไป ซึ่งปัญหานี้สามารถป้องกันได้ เพียงแค่ใช้ 10 เทคนิคดี ๆ ในการตรวจเช็ก รถมือสอง ที่เรานำมาฝาก รับรองว่าจะได้รถมือสองที่ถูกใจ ในสภาพดี ไม่มีงอแงแน่นอน 

📌 1. เช็กตัวถังรถยนต์ 

สิ่งแรกของรถยนต์ ที่เรามองเห็น ก็คือตัวถัง ให้สังเกตว่าตัวถัง ยังมีรูปทรง เป็นปกติดีไหม เอียงไปด้านใดด้านหนึ่งหรือไม่ ช่องไฟระหว่างประตู และตัวถังเท่ากันหรือไม่ หากพบว่าไม่เท่ากัน หรือรถเสียทรง สามารถสันนิษฐานได้ว่า รถยนต์คันนี้ อาจจะเคยเกิดอุบัติเหตุมาก่อน 

ที่สำคัญจะต้องตรวจสอบ เลขตัวถัง และเลขเครื่องยนต์ในเล่ม ว่าตรงกับเพลตหรือไม่ ซึ่งรถยนต์แต่ละรุ่น ตำแหน่งของเลข จะอยู่ต่างกัน สามารถดูได้จากเล่มรถ จะมีการระบุตำแหน่งเอาไว้อย่างชัดเจน โดยเลขจะต้องชัดเจน ไม่มีการแก้ไข หากพบว่าข้อมูลไม่ตรงกัน ก็มีแนวโน้ม ว่าอาจจะเป็นรถ ที่ถูกดัดแปลงเครื่อง หรือโจรกรรมมาก็เป็นได้

📌 2. เช็กสี

สีของตัวถัง คือสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่ง สามารถตรวจสอบเบื้องต้น ด้วยการเคาะ หากมีเสียงแน่น ๆ ทึบ ๆ แสดงว่ารถคันนี้ อาจผ่านการโป้ว และทำสีมาใหม่มาหลายชั้น เพราะถ้าหากเป็นรถปกติ เสียงจะดังโปร่ง ๆ 

นอกจากเสียงแล้ว สิ่งที่ต้องสังเกตอีกอย่าง ก็คือความเรียบเนียนสม่ำเสมอ ของผิวสีรถยนต์ ต้องไม่มีส่วนไหนผิดเพี้ยน ไม่เยิ้ม หรือนูน เพราะรถยนต์ที่ไม่ได้ผ่านการทำสีใหม่ หรือเป็นสีเดิม ๆ จากโรงงาน สีจะถูกพ่นโดยใช้เทคโนโลยี หรือหุ่นยนต์ จึงมีความสม่ำเสมอเหมือนกันทั้งคันนั่นเอง 

📌 3. เช็กตะเข็บและอาร์ก

สิ่งต่อไปที่ต้องตรวจสอบก็คือ ตะเข็บและอาร์ก โดยเป็นส่วนที่ยึดติด ระหว่างชิ้นส่วนของตัวถัง และส่วนประกอบอื่น ๆ ไว้ด้วยกัน หากพบความผิดปกติ ไม่มีรอยอาร์กตามขอบ หรือรอยนูนทั้ง 2 ฝั่ง ไม่เท่ากัน ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า รถยนต์คันนี้ เคยผ่านการชนหนัก และมีการดัดแปลงโครงสร้าง

อีกส่วนที่สำคัญ ก็คือนอต หากรถไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ จะต้องไม่มีรอยขันนอต และนอตตามจุดต่าง ๆ ถูกยึดไว้ ครบทุกตัวหรือไม่ จะช่วยยืนยันได้ว่า ไม่ได้มีการถูกถอดออก เพื่อซ่อมแซมมาก่อน

📌 4. ประตูและขอบประตู

วิธีตรวจสอบประตูรถมือสอง ให้ดึงยางขอบประตู ทั้ง 4 บาน ออกมาดู สังเกตที่รอยอาร์ก หากเป็นรถยนต์ปกติ ไม่เคยผ่านการซ่อมแซมมาก่อน จะต้องมีรอยอาร์ก ตลอดทั้งขอบประตู

นอกจากนี้ให้สังเกต รอยต่อตัวยึดประตู สีบริเวณนี้ จะต้องตรงสีของตัวรถ หากพบว่าสีผิดเพี้ยน หรือไม่สม่ำเสมอกัน รถยนต์มือสองคันนี้ อาจจะเคยโดนถอดไปซ่อมประตู มาก่อนนั่นเอง

📌 5. ดูช่วงล่าง และเครื่องยนต์

เครื่องยนต์คือหัวใจสำคัญ ที่ทำให้รถยนต์ขับเคลื่อน ให้สังเกตเสียงเครื่องยนต์ ว่ามีเสียงผิดปกติดังออกมาหรือไม่ รอบเครื่องยนต์เดินนิ่ง หรือสวิงไป สีควันท่อไอเสีย จะต้องไม่เป็นสีดำ สามารถตรวจสอบได้ง่าย ๆ ด้วยการสตาร์ตเครื่องยนต์ให้ร้อน แล้วดึงก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องออกมาดู

สำหรับช่วงล่าง จะต้องไม่มีเสียงดังผิดปกติ ควรทรงตัวได้ดี โดยเฉพาะช่วงเลี้ยว เพราะหากรถยนต์ มีอาการช่วงล่างเสื่อมสภาพ แม้จะสามารถซ่อมแซมเฉพาะจุดได้ แต่ก็ไม่คุ้มค่าสำหรับการเสียเงินสักเท่าไหร่นัก

📌6. เกียร์

เกียร์ที่สามารถใช้งานได้ตามปกติ จะต้องไม่มีเสียงหอนดังออกมา หรือขับแล้วกระตุก ทดสอบง่าย ๆ ด้วยการลองเข้าเกียร์ ยกตัวอย่างในเกียร์ออโต้ หากใส่เกียร์ D แล้วรถไม่เดินหน้า บ่งบอกได้ว่าเกียร์กำลังเกิดปัญหาซึ่งหากพลาดซื้อรถที่ไม่สมบูรณ์มาแล้ว ก็จะต้องเสียเงินเปลี่ยนเกียร์ใหม่ ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูงเลยทีเดียว 

📌7. เช็กห้องโดยสาร  

ตรวจสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในห้องโดยสาร ได้แก่ แอร์ยังคงใช้งานได้ตามปกติหรือไม่ มีกลิ่นเหม็น หรือมีแต่ลม แต่แอร์ไม่เย็นไหม , ระบบไฟ ทั้งไฟคู่หน้า ไฟคู่ท้าย ไฟเบรก ไฟเลี้ยว ไฟสูง ไฟฉุกเฉิน และไฟท้าย , พวงมาลัยหมุนแล้ว ต้องไม่มีอาการฝืดหรือค้าง คืนตัวได้ , ระบบล็อกรถ จะต้องล็อกได้ครบทุกประตู และสภาพพรม หากพบว่าพรมอับชื้น หรือมีราขึ้น สันนิษฐานได้ว่า รถคันนี้อาจจะเคยถูกน้ำท่วม หรือลุยน้ำท่วมมาก่อน

📌 8. เช็กเลขไมล์

เลขไมล์รถยนต์ เป็นเครื่องบ่งบอกว่า รถมือสองคันนี้ ผ่านการใช้งาน มามากขนาดไหน ถ้าพบว่าตัวเลขสอดคล้อง กับอายุรถก็ถือว่าปกติ แต่ในทางตรงกันข้าม หากเลขไมค์ผิดปกติ ดูไม่สอดคล้องกับสภาพของรถ หรืออายุของรถ สงสัยว่ามีการกรอเลขไมล์ มาหลอกขาย ให้สังเกตองค์ประกอบอื่น ๆ ร่วมด้วย ได้แก่ พวงมาลัย คันเร่ง แผงคอนโซล

โดยปกติแล้ว การใช้งานรถยนต์ ระยะเวลา 1 ปี เลขไมล์จะอยู่ที่ประมาณ 20,000-30,000 กม. แต่ถ้ารถมีอายุการใช้งาน ผ่านมาแล้ว 5 – 6 ปี แต่เลขไมล์น้อย อาจจะเกิดจากการกรอเลขไมล์ หรือเป็นรถที่จอดทิ้งไว้เฉย ๆ ซึ่งก็ไม่เป็นผลดีต่อการใช้งาน ทั้งสองกรณี 

📌 9. ทดลองขับจริง

การทดลองขับจริง เป็นวิธีตรวจสอบที่ดีที่สุด ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อรถมือสอง เพื่อสามารถทดสอบ ระบบต่าง ๆ ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็น ระบบเบรก ระบบไฟ ระบบเกียร์ เครื่องยนต์ โดยขณะที่ลองขับ ให้สังเกตอาการของรถ ว่ามีการเอียงซ้ายเอียงขวาหรือไม่ เมื่อเบรก หรือขับผ่านถนน ที่มีพื้นผิวขรุขระ แล้วระบบโช้คสามารถซับ แรงกระแทกได้ดีหรือไม่ รวมถึงเมื่อเลี้ยวโค้ง การทรงตัวของรถยังดีอยู่ไหม หากพบว่ามีส่วนใดผิดปกติ ไม่ควรจะเสี่ยงซื้อรถมา เพราะจะทำให้เป็นอันตรายได้ 

📌 10. ตรวจสอบเอกสารรถยนต์

นอกจากการตรวจเช็ก ตัวรถและส่วนประกอบต่าง ๆ แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุด คือเอกสารเกี่ยวกับรถมือสอง ก่อนจะตัดสินใจซื้อ จะต้องทำการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน ให้เช็กเลขตัวถังและเลขเครื่องยนต์ ว่าตรงกับที่แจ้งในเล่มรถยนต์หรือไม่ จากนั้นให้รายการบันทึก ว่าเคยมีประวัติการเปลี่ยนเครื่องยนต์ หรือการดัดแปลงตัวถังหรือไม่

ข้อมูลสำคัญที่ต้องตรวจสอบอีกอย่าง ก็คือรายชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ จะทำให้ทราบว่ารถมือสอง เปลี่ยนเจ้าของมาแล้วกี่คน รวมไปถึงประวัติ การเสียภาษีในแต่ละปี แต่หากรถไม่มีเล่มทะเบียน ก็ไม่ควรทำการซื้อขายเด็ดขาด เพราะเสี่ยงที่จะเป็นรถหลุดจำนำ หรือเป็นรถที่ถูกโจรกรรมมานั่นเอง


สรุปแล้วก่อนจะตัดสินใจ ซื้อรถยนต์มือสองมาใช้สักคัน นอกจากจะเตรียมเงินแล้ว ก็ต้องใส่ใจรายละเอียด ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้ได้ของดีคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งหากเลือกตัวแทนจำหน่ายที่เชื่อถือได้ ก็จะช่วยให้ลดความเสี่ยง ที่จะเกิดปัญหากวนใจ ตามมาทีหลัง ได้มากเลยทีเดียว 



ข้อมูลอ้างอิง:

https://weelee.co.za/blog/expert-tips-for-inspecting-second-hand-cars/ 

https://www.consumerreports.org/cars/how-to-inspect-a-used-car-a1377126659/?srsltid=AfmBOorO59ydTRL32Y4YstD2_4GMmOhWMppEwIrEAioMx6cbL2LLJz33 

https://www.instaautoloans.com/9-top-tips-for-inspecting-a-used-car-before-you-buy